Colnago C64 - C Series ตัวล่าสุด
Sport BicycleColnago C60 คือจักรยานที่อยู่ในใจของนักปั่นหลายๆคนแน่นอน แต่เพราะอะไรที่ทำให้ C60 ได้รับความนิยมขนาดนั้น? อาจจะเป็นเพราะความคลาสสิก, หรือประวัติศาสตร์ที่น่าภูมิใจจาก C40 ซึ่งเป็นหนึ่งในจักรยานแห่งยุคในรอบ 2 ทศวรรษที่ตกทอดมาสู่ C60 เลยก็ว่าได้
Ernesto Colnago ได้ให้กำเนิด C40 ในยุคที่เฟรมเหล็กยังคงครอง Peloton และผู้ผลิตจักรยานรายอื่นๆยังคงทดลองการสร้างจักรยานจากวัตถุดิบอื่นๆอยู่ ไม่ใช่เพียงเพราะนักปั่นชื่อดัง หรือความเบาของเฟรมที่ทำให้ Colnago โดดเด่น แต่เป็นการใช้ท่อต่างๆต่อเข้ากับ Lug ด้วยมือช่างที่ชำนาญการใน Italy กลายเป็นภาพจำของจักรยานแข่งขันที่มีเสน่ห์น่ามองแห่งยุคเลยทีเดียว
เมื่อเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลา 64 ปี หลังจาก Ernesto ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา จักรยานรุ่นใหม่ของ Colnago ก็ได้ทำให้พวกเราตื่นเต้นอีกครั้ง กับจักรยานที่ดูเผินๆยังคงความคลาสสิกไว้ แต่มากด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่มากมายซ่อนอยู่
“ปีนี้เป็นปีที่บริษัทครบรอบปีที่ 64th และ C64 ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็น Colnago, ความหลงใหลในจักรยานของพวกเราถูกใส่ลงไปใน C64 อย่างไม่ต้องสงสัย,” Ernesto Colnago กล่าวในงานเปิดตัว Colnago C64 เมื่อเร็วๆนี้
เขายังเสริมอีกว่า C64 คือวิวัฒนาการของ C40 ซึ่งเป็นจักรยานคาร์บอนคันแรกของโลกที่คว้าชัยชนะในสนามคลาสสิกอย่าง Paris-Roubaix, รุ่นต่อมาอย่าง C50 และ ตระกูล C ทั้งหลายยังคงผลิตใน Italy เช่นเดียวกับ C64, บริษัท Colnago ยังคงเป็นบริษัทผลิตเฟรมที่ใหญ่ที่สุดใน Italy และพวกเค้าก็ภูมิใจกับ Colnago C64 เป็นอย่างมาก
เรามาดูกันดีกว่าครับว่า C64 มีอะไรอัพเดทจากรุ่นก่อนหน้านี้บ้าง และนี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม C64 อาจจะเป็นจักรยานคันใหม่ของคุณในปีนี้
อันดับแรก Colnago C64 รองรับยางหน้ากว้างถึง 28mm ซึ่งหน้ากว้างของยางที่กว้างขึ้นกลายเป็นมาตรฐานในปัจจุบันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยางที่กว้างขึ้นไม่ได้มีค่า Rolling resistance ที่แย่ไปกว่ายางหน้าแคบในอดีต ซ้ำยังเพิ่มความนุ่มนวลเนื่องจากต้องการแรงดันลมยางที่ต่ำลง และยังเกาะถนนมากขึ้นอีกด้วย เหมาะกับถนนในประเทศไทยเป็นที่สุด
อันดับสอง, Colnago C64 เบาขึ้น, แน่นอนว่าความเบาที่ว่านี้คงสู้ Specialized Tarmac SL6 หรือตัว Top สายเบาอื่นๆในตลาดไม่ได้, แต่น้ำหนักของเฟรมก็ไม่ใช่จุดที่ Colnago ให้ความสำคัญเป็นประเด็นหลัก แต่เป็นการควบคุมอันยอดเยี่ยม และความคงทนของเฟรมมากกว่าที่ Ernesto เน้นเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม, การปรับปรุงเฟรมในหลายๆจุดก็ส่งผลให้น้ำหนักของเฟรมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในเฟรมแบบ rim brake น้ำหนักลดลงถึง 205g และในเฟรมแบบ disc brake สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 270g เลยทีเดียว โดยเฟรมทั้งสองแบบน้ำหนักต่างกันเพียง 15g ในขนาดที่เท่ากัน โดยที่เฟรมขนาด 54 หนักเพียง 850g ซึ่งใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาดระดับเดียวกัน
น้ำหนักที่เบาขึ้นเป็นผลมาจากการออกแบบท่อนั่งแบบใหม่ ที่เลือกใช้การรัดหลักอานแบบ Integrated และหลักอานจาก Colnago V2-r ซึ่งเพิ่มทั้งแอโร่ไดนามิคและความสบาย ชุด Lug บริเวณ Head Tube ที่บางลง การเดินสายชุดขับเคลื่อนบริเวณกะโหลกถูกรวมเป็นชิ้นเดียวกัน, เสื้อกะโหลก ThreadFit 82.5 อันเป็นเอกลักษณ์ของ Colnago ที่เซอร์วิสได้อย่างง่ายดาย และในเฟรม Rim Brake เปลี่ยนมาใช้ Drop out แบบ Carbon ซึ่งเบาขึ้นไปอีก 40g
ตะเกียบ มีการบากรูปทรงสามเหลี่ยม เพิ่มความ Stiff ในแกนนอน และเพิ่มการซับแรงสะท้านอีกด้วย, Steerer tube แบบใหม่ที่มีการเว้าร่องรองรับการเดินสายเบรกภายใน, เฟรม Disc Brake เมื่อประกอบออกมาแล้วจะสะอาดตาอย่างมาก
Chainstays และ Dropout ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน และ Chainstays ออกแบบให้ไม่สมมาตรกันทั้งสองฝั่งเพื่อเพิ่มความ stiff นั่นเอง, Downtube มีการเดินสายภายในรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ bottle cage ที่เพิ่มความแอโร่ และเสริมความแข็งแรงให้กับ Downtube อีกด้วย
เช่นเดียวกับ C60, ตัวเฟรมมีให้เลือก 2 แบบทั้ง Rim Brake และ Disc Brake ในเฟรม Disc Brake มีการปรับปรุงในหลายๆด้าน เช่นเดียวกับเฟรม Rim Brake ยกเว้นชุด Carbon Dropouts แบบเกลียว 12mm สำหรับแกนล้อแบบ Thru-Axles และจุดยึด Caliper เบรกแบบ Flat mount ที่ฝั่งเข้าไปใน Chainstay และตะเกียบหน้าที่จะต่างออกไป
Hands-on First Ride
ถนน Lanzarote ที่มีกระแสลมรุนแรง ถูกเลือกเป็นเส้นทางให้สื่อต่างๆได้มีโอกาสทดสอบ C64 ในงานเปิดตัวนั่นเอง เพียงแค่การทดสอบสั้นๆ ก็บ่งบอกได้ว่า C64 นั้นไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของ C60 ต้องด่างพร้อยแน่นอน
ไม่เพียงแค่ สุนทรียภาพจาก C60 ที่ถูกส่งต่อมายัง C64 การ Handling ที่ทุกคนชื่นชอบ Colnago มักจะพูดถึงก็ถูกส่งต่อมายัง C64 ซึ่ง Colnago เองก็ให้ความสำคัญกับ Handling มากกว่า การลดน้ำหนัก หรือการเพิ่มความ Stiffness ของเฟรม คนที่เคยมีโอกาสสัมผัส C60 ก็คงจะพอนึกได้ว่า C64 จะมี Handling ที่น่าประทับใจขนาดไหน
Colnago C60 เป็นที่ชื่นชอบของคนมากมาย เฟรม Handmade จาก Italy มักจะอยู่ในรายชื่อจักรยานในฝันของนักปั่นทั่วโลก ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งที่เบากว่า หรือแอโร่มากกว่าจากค่ายอื่นๆ นั้นพิสูจน์ได้ว่า C60 เป็นหนึ่งในจักรยานที่มีการ Handling ดีที่สุดเท่าที่เงินจะซื้อได้คันหนึ่ง
ความสามารถในการรองรับขนาดยางที่มีหน้ากว้างถึง 28mm ใน Colnago C64 ตอบรับกระแสความนิยมการเลือกใช้ยางที่มีหน้ากว้างมากขึ้นใน 2-3ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเจอสภาพถนนที่ไม่ราบเรียบเป็นประจำ ยางหน้ากว้างที่ต้องการแรงดันลมยางที่ต่ำกว่า ช่วยเพิ่มความสบายในการปั่น โดยที่ไม่มีผลต่อ Rolling Resistance แต่อย่างใด, นุ่มนวลขึ้น แถมยังเร็วขึ้นอีก! มีใครจะไม่ชอบกันบ้าง.
การออกแบบตะเกียบหน้า และช่วงหลังของเฟรมใหม่ เพื่อรองรับยางหน้ากว้าง 28mm จากทุกผู้ผลิตยางจักรยาน ทั้งในเฟรมแบบ Rim Brake และ Disc Brake ที่กว้างขึ้นอีกเล็กน้อย โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อองศาโดยรวมของเฟรม ส่งผลให้ C64 ยังคงมีการ Handling ที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับเฟรมรุ่นพี่อย่าง C60
ในขณะปั่นเราจะรู้สึกได้ถึงความเบา และการควบคมที่คมขึ้นใน Colnago C64 และคุณจะรู้สึกได้ถึงความสนุกในการเข้าโค้งยามลงเขา และการคงความเร็วสูงในการปั่นระยะทางไกล C60 เป็นเฟรมที่นักปั่นทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเฟรมที่สามารถปั่นได้ทั้งวัน เพราะมีความสบายอย่างมาก แต่ยังไม่ทิ้งความเป็นจักรยานที่ใช้ในระดับแข่งขัน หรือปั่นในกลุ่มความเร็วสูงๆได้อย่างสบาย Colnago C64 เองก็เป็นเช่นนั้น และอาจจะตอบสนองเจ้าของได้มากกว่ารุ่นพี่ด้วยซ้ำ
หลายๆส่วนประกอบใน C64 ช่วยให้เฟรมมี Handling ที่ยอดเยี่ยมอย่างเช่น ตะเกียบหน้า และ Head Tube Lug ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ช่วยเพิ่มความ Stiffness ในส่วนหน้าของเฟรม ส่งผลให้นักปั่นจะรู้สึกได้ถึงการเข้าโค้งที่คมกริบของ C64 นั้นเอง แต่ไม่แข็งกระด้างเมื่อต้องเจอสภาพถนนที่ไม่ดีนัก เนื่องจากการซับแรงสะเทือนในตะเกียบหน้าใหม่ และการออกแบบส่วนหลังของเฟรมแบบใหม่นั้นเอง
หากมีโอกาสได้ทดลองปั่น Colnago C64 แม้จะระยะสั้นๆ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ทดลองได้อย่างแน่นอน
Cr: https://www.bespokecycling.com/blog/road/colnago-c64